กระทู้ที่แล้วเราได้นำเสนอรูปภายนอก
Toyota C-HR สวยงามขนาดไหนนั้นคงได้เห็นไปแล้ว ถ้าใครไม่รู้ว่าหาไม่เจอคลิก Link นี้ได้เลยนะครับ -->
รูปภายนอก Toyota C-HR
ซึ่งวันนี้จะนำรูป
ภายใน Toyota C-HR มาให้ได้ชมกันครับ หลายๆท่านคงอดใจรอที่จะสัมผัสกับเจ้า Toyota CHR กับแทบไม่ไหวกันเลยทีเดียว^^
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในหลายประเทศสำหรับ Toyota C-HR
ขุมพลังสายไฮบริด รักธรรมชาติ ครอสโอเวอร์ ตัวใหม่จากค่าย Toyota
ที่ต้องบอกว่าได้รับการตอบรับจากหลายประเทศเป็นอย่างดี
ซึ่งในงานมอเตอร์โชว์ประเทศต่างๆก็มีการโชว์รถต้นแบบที่เปิดเผยระบบของ
Toyota C-HR ภายใน
และภายนอกแบบจัดเต็ม ทำให้ได้รับยอดสั่งจองมากมายเลย ทีเดียว
แต่หลายท่านอาจจะยังไม่รู้จักกันดีนัก
เราจะพาไปทำความรู้จักแบบพื้นฐานกันเลย คำว่า C-HR เป็นคำที่ย่อมาจาก Coupe
High-Rider ที่แปลว่า รถคูเป้แบบยกสูงนั้นเอง แค่สไตล์ของ Toyota C-HR
นั้นเป็นสไตล์ครอสโอเวอร์สี่ประตู ซึ่งทาง Toyota
ต้องการพัฒนาให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์แนวโฉบเฉี่ยวและประหยัดพลังงานซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในตลาดรถสมัยใหม่พอสมควร
แต่ต้องขอบอกก่อนว่าวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก
Toyota C-HR ภายใน กันว่าจะทำออกมาตอบโจทย์มากแค่ไหน
การเลือกซื้อรถสักคันหลายท่านอาจจะมองต่างกันออกไปแต่สำหรับผมแล้วจะเน้นดูประสิทธิภาพและระบบภายใน
เป็นหลัก ซึ่งหลายท่านที่กำลังตัดสิ้นใจว่าจะซื้อ Toyota C-HR ดีหรือไม่
เราไปดู
Toyota C-HR ภายใน
กันก่อนเลย ระบบภายในห้องโดยสารนั้นค่อนข้างโดดเด่น
ด้วยระบบหน้าจอแดชบอร์ดขนาดใหญ่ 9 นิ้ว
ตามมาด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสามก้าน
และมาตรวัดทรงกลมที่มีหน้าจอแสดงผลตรงกลางขนาด 4.2 นิ้ว
ช่วยให้มองได้ชัดเจนมากขึ้นปรับแสงอัตโนมัติ ต่อไประบบปรับอากาศอัตโนมัติ
พร้อมโหมด ECO
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังจัดเต็มเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย Toyota
Safety Sense ที่ประกอบไปด้วย ระบบเตือนภัยการชนด้านหน้า
ระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้า
และระบบอ่านป้ายจราจรอัตโนมัติ และอื่นมากมาย
ระบบนคอนโซลจะเน้นความสะดวกและสะอาดตา
วัสดุที่ใช้เน้นการสัมผัสที่นุ่มนวลและสีสันโทนเข้มออกแนวหรูหราเป็นหลัก
เพิ่มลูกเล่นด้วยผ้าที่มีสัมผัสแบบสปอร์ตที่เบาะนั่งและแผงข้างประตู
หัวเกียร์เป็นโลหะหุ้มด้วยหนังเน้นสวยงามและน่าใช้งานเป็นหลัก
สำหรับเบาะนั่งนั้นผ่านการออกแบบให้เสริมความแข็งแรงและหนามากขึ้น
ช่วยกระจายแรงกดของผู้ขับขี่และคนโดยสารช่วยให้สามารขับต่อเนื่องได้โดยไม่ปวดเมื่อย
นอกจากนี้เบาะที่นั่งแถวหลังยังสามารถพับแยกส่วน 60:40
ให้เป็นแนวราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มมากขึ้น
ภายในรถยังมีช่องใส่ของมากมาย สไตล์รถอเนกประสงค์แบบครบครัน
สำหรับเครื่องยนต์นั้นก็มีให้เลือกถึง 3 แบบ
ซึ่งมีรุ่นแยกย่อยออกไปอีกมากมาย สำหรับประเทศไทย
ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะวางจำหน่ายในวันที่เท่าไหร่
คาดว่าปลายปี 2060 หรือไม่ก็ต้นปี 2061 โตโยต้าจะได้เห็น C-HR กัน
รอติดตามกันต่อไปนะครับ
แผงแดชบอร์ดนั้น
การจัดวางตำแหน่งจะต่างจาก Toyota Prius ที่ใช้ Platform Toyota New
Global Architecture (TNGA) เหมือนกัน อย่างสิ้นเชิง มีจอกลาง
วางในลักษณะรถยนต์ยุคใหม่ๆ
คือเป็นจอลอยตัวขึ้นมา คล้ายเอา Tablet หรือ iPad มาวางไว้
แต่ถูกลดทอนขอบต่างๆ ให้มีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องกับส่วนอื่นๆของรถ
ด้วยการลากเส้นตกแต่ง ยาวจากประตูฝั่งซ้าย ไปจรดที่ประตูฝั่งขวา
ในภาพที่เห็นจะเป็นเวอร์ชั่น
Hybrid ซึ่งจะถูกตกแต่งด้วยเส้นสีฟ้า
คาดว่ารุ่นอื่นๆที่เป็นเครื่องยนต์ปกติ หรือ
เครื่องยนต์เทอร์โบจะมีการใช้วัสดุที่ต่างกันออกไป
เช่น สีเงินเมทัลลิคอย่างแน่นอน
นอกจากนี้บริเวณจอกลางยังมีการแทรกนาฬิกาเล็กๆเอาไว้
ที่มุมล่างด้านขวาโดยวัสดุตกแต่งแผชแดชบอร์ดหลักจะใช้ สีดำ Piano Black
ตามสมัยนิยม
ชุดมาตรวัด
2 วง ขนาบข้าง แทรกด้วยจอ MID กลางแบบสี TFT เหมือนกับรถ Toyota
รุ่นใหม่ในปัจจุบันของบ้านเรา ด้านซ้ายเวอร์ชั่น Hybrid
จะเป็นมาตรวัดมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ ส่วนเวอร์ชั่นปกติ
น่าจะเป็นตำแหน่งที่อยู่ของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์
วงด้านขวาจะเป็นมาตรวัดความเร็ว
เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ว่า มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ยังคงมีอยู่
ต่างจากรถในปัจจุบันที่จะมีเพียงแค่ไฟแจ้งเตือน
ระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone พร้อมหน้าจอแสดงผล แบบดิจิตอลสีฟ้า ตรงกลาง
โทนสีหลักภายในห้องโดยสาร
จะใช้สีน้ำตาลเข้มออกแดง
ในช่วงครึ่งคันรถส่วนบนส่วนอื่นๆทั้งคันรถจะใช้โทนสีดำ
บรรยากาศภายในเน้นโทนสปอร์ต แต่แอบมีกลิ่นอาย
ของความหรูเข้ามานิดๆจากการใช้โทนสี
บริเวณครึ่งบนของแดชบอร์ดหน้ามีการเดินตะเข็บด้ายจริง
การวางตำแหน่งของหน้าจอและ แผงควบคุมต่างๆเอาใจคนขับ ด้วยการเอียงมุมองศา
เข้ามาหาฝั่งผู้ขับขี่มากกว่า
รถทั่วไป
เบาะนั่งทรงสปอร์ตดูแล้วน่าจะค่อนข้างกระชับอยู่ไม่น้อย
มีการใช้ลวดลายเดินตะเข็บทั้งตัวเบาะ ส่วนของเกียร์จะใช้เป็นแบบถุงหุ้ม
ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า
รวมถึงช่องวางแก้วน้ำ และ แผงประตูส่วนล่าง จะมีการใช้ไฟ Ambient Light มาเสริมบรรยากาศเข้าไปด้วย