วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

โตโยต้า ซีเอชอาร์ ราคาคุ้มค่า ดีไซน์ทันสมัย



   สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีสไตล์ทันสมัย  ใช้งานได้ดี สมรรถนะเยี่ยม  เราขอแนะนำรถยนต์ โตโยต้า  ซีเอชอาร์ ราคาคุ้มค่าที่คุณนั้นต้องอยากลงทุนแน่นอน  ซึ่งก็มีหลายรุ่นให้คุณเลือกใช้ แต่ถ้าอยากได้รุ่นใหม่ที่มียอดจองสูงเกินเป้าหมายกว่า 8 เท่าในประเทศญี่ปุ่น  ต้องเป็น โตโยต้า ซีเอชอาร์ ครอสโอเวอร์

   สำหรับโตโยต้า ซีเอชอาร์  ครอสโอเวอร์นั้นถือเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก  มีการออกแบบให้มีรูปร่างที่โค้งมนดั่งเพชร โดยเครื่องยนต์นั้นมีหลายแบบมาก  แต่สำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะมีเครื่องยนต์แบบไหนกันบ้าง  สิ่งที่น่าสนใจคือ เครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร เทอร์โบ  ที่ให้กำลังเท่ากับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในระบบไดเร็กต์  อินเจคชั่น  ทำให้การเผาไหม้ละเอียดและสมบูรณ์แบบมากขึ้น  หรืออาจจะเป็นเครื่องยนต์แบบ เเบนซิน 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ก็ได้และยังสร้างมาจากแพลตฟอร์มเดียวกับโตโยต้า พรีอุส ซึ่งมีความปราดเปรียวคล่องตัวสูง  และภายในรถยังมีดีไซน์ทันสมัยเน้นความโค้งมนด้วยลักษณะเส้นสายที่ดูแปลกๆแหวกแนว และในห้องโดยสารนั้นจะมี 3  สี ให้เลือกใช้กัน นั่นคือ  สีเทา  ดำสลับฟ้า และดำสลับน้ำตาล เป็นต้น  พวงมาลัยก็เป็นแบบทรงสปอร์ต  หน้าจอกลางเป็นแบบทัชสกรีน ช่องอากาศก็จะมีดีไซน์ที่โดดเด่นสุดๆ  และมีไฟหน้าเป็นแบบ LED  และล้ออัลลอยด้วย  ซึ่งในรถรุ่นนี้มีถึง 8 สีให้เลือกกันเลยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมืองไทยจะมีสีไหนเข้ามาบ้าง  รุ่นนี้ของโตโยต้า ซีเอชอาร์ ราคา    875,000 – 1,200,000 บาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ เพราะสมรรถนะดีเยี่ยม  รูปลักษณ์ทันสมัย  มีหลายสีให้เลือกสรร  แถมเป็นยี่ห้อที่เราให้ความไว้วางใจด้วย

   โตโยต้า ซีเอชอาร์  ราคาคุ้มค่าน่าลงทุน  เพราะว่าดีไซน์สวยโดนใจ  แถมยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีผู้นิยมใช้กันทั่วโลกด้วย   ใครที่กำลังอยากได้รถยนต์คันเล็ก  ประหยัดน้ำมัน จะไปเป็นเดี่ยว  ไปคู่หรือครอบครัวก็สะดวกสบาย  ขอให้คุณนึกถึงโตโยต้า  ซีเอชอาร์  ครอสโอเวอร์  รถสปอร์ตดูหรูหราที่บอกได้เลยว่าน่าจับจองเป็นเจ้าของสุดๆ  แต่ตอนนี้ถึงรถยี่ห้อนี้ยังไม่เปิดตัวในไทย  เพราะฉะนั้นก็ต้องคอยติดตามข่าวสารกันหน่อยล่ะ  เพื่อจะได้ไปจองกันได้ถูกและต้องมาลุ้นกันด้วยนะว่า จะมีสีอะไรบ้างและใช้เครื่องยนต์แบบไหนด้วย  คราวนี้ล่ะเราก็จะมีรถยนต์เล็ก สไตล์หรู ในราคาที่เรากล้าลงทุน ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าแพงมาก  แต่ถ้าพูดถึงสมรรถนะ ความสวยงามแล้วก็คุ้มค่าที่จะซื้อจริงๆ

Toyota C-HR รถตัวใหม่สำหรับคนเมือง ที่ชอบ Adventure

   คนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองจะรู้ดีว่า ในเวลาเร่งด่วนไม่ว่าจะตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ตาม รถในเมืองจะต้องติดกันเป็นหางว่าวเสมอ แถมการขับรถในช่องทางที่แคบๆของเมืองยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว โดยเฉพาะเมื่อเราเลือกที่จะใช้รถที่เน้นในการบรรทุกครอบครัวที่เราห่วงใยจากที่ทำงานหรือที่เรียนเพื่อพากลับไปบ้านในแต่ละวัน ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่นั่นจะเปลี่ยนไปด้วยรถยนตร์ตัวใหม่จากทาง Toyota



   Toyota C-HR คือนวัตกรรมใหม่ทางยานยนตร์ ที่สามารถมอบความสะดวกและหรูหราให้ได้อย่างเท่าเทียมกัน เราสามารถเห็นได้จากตัวอย่างของรถย่ห้ออื่นๆว่า มักจะเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษเสมอ ถ้าเป็น Mitsubishi เน้นไปที่ด้านการโหลดน้ำหนัก และการขนส่งสินค้าหรือผู้โดยสารจำนวนมาก และสามารถที่จะเพิ่มส่วนเสริมอย่างตัวปิดท้าย Carry Boy ได้, ถ้าหากเป็นยี่ห้อ Hondaหรือ Nissan ก็เน้นไปที่สมรรถนะของเครื่องยนตร์หรือความทนทานของเครื่อง ซึ่งแลกกับความสามารถในการบรรทุก เป็นต้น แต่ Toyota พยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างคุณสมบัติทั้งสองนี้ด้วยรถหลายๆรุ่นมามากแล้ว และ Toyota C-HR คือคำตอบที่ดีที่สุด

   Toyota C-HR จะเน้นการออกแบบให้เอื้อต่อลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุง ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด หรือ พื้นที่ในการขับขี่ที่ค่อนข้างแคบและจะไม่สะดวกสักนิดหากผู้ขับขี่เลือกที่จะใช้รถขนาดใหญ่ แต่ทางเลือก็ไม่ได้มีมากเท่าไรนัก เพราะลูกค้าที่ซื้อรถส่วนใหญ่นั้นซื้อมาเพื่อใช้ในครอบครัว ที่ต้องมีสมาชิกมากกว่า 2-3 คนขึ้นไปอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ความจำเป็นและสภาพพื้นที่ขัดกันเป็นอย่างมาก ด้วย Toyota C-HR เราเลือกที่จะดีไซน์ตัวรถส่วนหลังให้กว่างขวางเพื่อเอื้อต่อผู้โดยสารเพิ่มเติม (รวมไปถึงสิ่งของที่จะบรรทุกเพิ่มด้วย)และเน้นระบบขับเคลื่อนหลักไปที่ล้อหน้าทั้งสอง เพื่อให้การควบคุมรถสามารถเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้สะดวกต่อการขับขึ่ในพื้นที่ๆคับแคบ และใด้วยระบบเกียร์ตัวใหม่ที่เรานำมาใช้งานร่วมกับ Toyota C-HR ผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่จะช่วยให้ผู้ขับสามารถขับขี่บนถนนได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

   และไม่เพียงแค่นั้น Toyota C-HR ยังมาพร้อมกับระบบเอื้ออำนวยต่อความสะดวกในการขับไม่ว่าจะเป็น ระบบติดตาม GPS, ระบบกล้องหน้าและกล้องหลัง, เซนเซอร์ตรวจจับหลังรถเพื่อช่วยในการถอยหลังจอด, วิทยุFM/AM ที่มาพร้อมกับหัวต่อ USB และ Bluetooth และแน่นอนว่าลูกค้าที่สนใจสามารถที่จะเพิ่มเติมส่วนเสริมที่ต้องการได้ตามสั่ง ณ จุดขาย (คาดการณ์ว่ารถจะเปิดตัวสู่มือผู้บริโภคในช่วงประมาณปี 2018)

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

เปิดตัวรถ Toyota C-HR เข้าไทย รถใหม่ประจำปี 2016-2017 ที่หลายคนรอคอย



หากจะพูดถึงรถยนต์อีกรุ่นที่คนรักรถต่างเฝ้ารอ ก็ต้องนับรวมถึง Toyota C-HR เข้าไทย ประจำปี 2016-2017 อย่างแน่นอน หลังจากเราได้เห็นรุ่นต้นแบบกันไปเมื่อปี 2014 Toyota C-HR ได้ผ่านการเปิดตัวจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไปจนถึงประเทศในโซนยุโรป และในตอนนี้ประเทศไทยก็ได้เปิดงานมอเตอร์โชว์ต้อนรับรถคอมแพคครอสโอเวอร์รุ่นนี้ในที่สุด ทำให้ใครหลายคนได้ตื่นเต้นกับข่าว Toyota C-HR เข้าไทย 

http://www.thaitoyotachr.com/


ในด้านการออกแบบ Toyota C-HR มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยหรู เฉียบคมทุกเส้นสายและมุมมองในธีม Diamond architectural ซึ่งทีมออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหลี่ยมมุมสวยคมของเพชร ตัวถังด้านหน้าเพรียวสวยฉี่ยวตลอดแนวสู่ด้านท้ายที่ลาดลงสไตล์คูเป้ พร้อมดีเทลการเล่นระดับที่ตัวถังด้านข้างและด้านท้าย ให้ความรู้สึกแปลกใหม่พร้อมอารมณ์แปลกตาอย่างแนบเนียน เป็นการใช้การออกแบบผสมกล่นอายรถคูเป้ได้อย่างลงตัว โดยที่ตัวถังด้านข้างใช้เส้นสายที่มีความโค้งเพื่อให้บานประตูกลมกลืนกับตัวรถ และยังมีกิมมิคเก๋ๆ อย่างเส้นขอบที่บริเวณกระจกล่าง ที่วาดลวดลายเชื่อมต่อกับแนวเส้นสายที่บริเวณหลังคารถ นอกจากนี้ Toyota C-HR ยังมีไฟหน้าและไฟท้ายรูปทรงสวยสะดุดตาเสริมตัวรถให้โดดเด่นขึ้น เป็นการออกแบบดีไซน์โดยให้ใกล้เคียงกับรถรุ่นต้นแบบมากที่สุด พร้อมขุมพลังภายในที่ถูกเพิ่มเติมระบบแบบไฮบริด เครื่องยนต์เบนซินที่มีสมรรถนะสูง น้ำหนักเบาและประหยัดสูงสุด สามารถเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และยังสามารถเลือกขนาดเครื่องยนต์ที่ 1.2 ลิตร หรือ 2.0 ลิตรได้อีกด้วย สำหรับเกียร์สามารถเลือกได้ทั้งแบบเกียร์ธรรมดาที่ปรับระดับได้ถึง 6 ระดับ และแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT แต่ในเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรนั้น จะมีในรถรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT เท่านั้น

http://www.thaitoyotachr.com/

ในส่วนของฟังก์ชั่นภายในนั้นเรียกได้ว่า Toyota C-HR มีการปรับแต่งฟังก์ชั่นต่างๆ มาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่ลงตัว เป็นระบบ สามารถใช้งานได้ราบรื่นไม่สะดุดและให้ความรู้สึกอิสระและสนุกสนานยามขับขี่ มีการปรับจุดศูนย์ถ่วงของรถให้ต่ำลงเพื่อลดการโคลงตัวระหว่างขับแบบเร่งความเร็วสูงๆ ซึ่งมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นสะเทือนอัจฉริยะด้านหลังแบบมัลอิติลงค์ ควบคุมได้อย่างมั่นคง แม่นยำและเป็นธรรมชาติด้วยระบบแชสซี TNGA อีกทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชั่นรักษาความปลอดภัยมาตรฐานรถยุโรปไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นรักษาความเร็วนำร่องแบบอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นการแจ้งเตือนการเฉี่ยวชนและแจ้งเตือนการเปลี่ยนช่องทางเดินรถ ไปจนถึงฟังก์ชั่นตรวจจับวัตถุและคนที่เดินบนทางเท้า  
ใครที่กำลังรอรถคอมแพคครอสโอเวอร์ระบบไฮบริดที่พร้อมจะเข้ามาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมืองและเริ่มทำตลาดในไทยอยู่ล่ะก็ จับตาฟังข่าว ToyotaC-HR เข้าไทยให้ดี รับรองว่าอีกไม่นานเกินรอ

มาแล้ว! โตโยต้าปล่อย Compact SUV ใหม่ Toyota C-HR เปิดตัวในไทย คาดปลายปี 2017 นี้



        โตโยต้า ค่ายรถยักษ์ใหญ่ชั้นนำ จากทางฟากฝั่งประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ผลิตรถออกมาหลากหลายรูปแบบมาก เพื่อครองใจคนไทยทั้งประเทศมาอย่างยาวนาน สังเกตได้จากบนท้องถนนนะครับ ตั้งแต่รถสาธารณะ รถใช้ส่วนตัว ไปจนถึงรถหรู ราคาแพงๆ จะเก่าหรือใหม่ อย่างน้อยก็จะต้องปรากฏรถจากทางค่ายของโตโยต้าให้เราได้เห็นกันบ้างแหละครับ และเป็นที่แน่นอนว่า จะสามารถอยู่ครองใจคนได้มานานขนาดนี้ก็ย่อมที่จะต้องมีการพัฒนารูปแบบรถ ให้มีความเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของคนอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง จนมาถึงรถรุ่น C-HR ที่ได้ผสมผสานสิ่งต่างๆ อย่างลงตัว แต่ Toyota C-HR เปิดตัวในไทยนั้น จะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลยครับ




        Toyota C-HR ได้ปรากฏโฉมครั้งแรกในเวอร์ชั่นสายการผลิต ที่เป็นคันจริงไม่ใช่รถต้นแบบครั้งแรก ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 นั่นเองครับ ก็ถือว่าเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮา ! ได้มากเลยทีเดียว ที่จะได้เห็นรถประเภทนี้ออกจากทางโตโยต้ากันบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่นทำคะแนนกันมาอยู่พักใหญ่แล้ว แต่พี่ไทยของเราจะได้พบกับ Toyota C-HR เปิดตัวในไทยในช่วงปลายปี 2017 ถึง ช่วงต้นปี 2018 นี่เองครับ ก็อีกไม่นานแล้วนะครับที่ Toyota C-HR จะเปิดตัวในไทย โดยในครั้งนี้ทางโตโยต้าออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ Diamond Architectural “เฉียบคม และมีพลังดุจอัญมณี” ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานการออกแบบ TNGA (Toyota NewGlobal Architecture) ที่ถูกนำมาใช้ในรถหลายรุ่นเลย ส่วนในรุ่นของ Toyota C-HR ที่เปิดตัวในไทย ก็จะมาในรูปแบบ Compact Crossover คือ มีรูปแบบ SUV แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ารุ่นพี่อย่างพวก Fortuner นั่นเองครับ แต่ก็มีรูปร่างทรวดทรงองค์เอว ที่โฉบเฉี่ยวไม่น้อยเลย มากับแบบบั้นท้ายลาดลงแลดูแบบรถคูเป้สองประตู แต่ก็ยังมีการเล่นระดับเป็นชั้นๆ ให้ดูมีลูกเล่นไม่น้อยเลย ผนวกเข้ากับไฟท้ายแบบลูกศร สะดุดตากันเข้าไปอีก เท่านั้นยังไม่พอ ไฟหน้าดวงโต สุดเก๋ ที่ยาวตั้งแต่ซุ้มล้อมาจนถึงกระจังหน้ารถ ก็ทำให้ดูหล่อขึ้นไม่น้อย ถ้าเป็นสาวๆ ก็คงจะกรีดหางตากันคมกริบเลยนั่นเอง แถมลวดลายเส้นสายรอบคันรถที่มีลายเส้นการออกแบบที่มีความเฉียบคม ดูรวมๆ แล้วรถรุ่นนี้ออกแบบผสมผสานรูปทรงอัญมณี รวมเข้ากับความพริ้วไหวแบบ Fluid Surface กันได้อย่างลงตัวเลย




        Toyota C-HR ที่เปิดตัวในไทย รถ Compact Crossover อเนกประสงค์ ที่มาในรูปแบบสะดุดตา หล่อสวยกันไปอีกแบบหนึ่ง ออกมาได้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง ที่ชื่นชอบความเก๋ไก๋ มากกว่าความอเนกประสงค์กว้างขวางนั่นเองครับ แต่สนนราคาในบ้านเรานั้นจะอยู่ที่เท่าใด อดใจรอกันสักพัก ปลายปี 2017 ได้เจอกันแน่นอนครับ

#toyotachr #toyotachrราคา #toyotachrเข้าไทย #toyotachrเปิดตัวในไทย #toyotachrภายใน #toyotachrthailand

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รูปลักษณ์ภายใน Toyota C-HR (Toyota C-HR Interior)

กระทู้ที่แล้วเราได้นำเสนอรูปภายนอก Toyota C-HR สวยงามขนาดไหนนั้นคงได้เห็นไปแล้ว ถ้าใครไม่รู้ว่าหาไม่เจอคลิก Link นี้ได้เลยนะครับ --> รูปภายนอก Toyota C-HR

ซึ่งวันนี้จะนำรูปภายใน Toyota C-HR มาให้ได้ชมกันครับ หลายๆท่านคงอดใจรอที่จะสัมผัสกับเจ้า Toyota CHR กับแทบไม่ไหวกันเลยทีเดียว^^



    หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในหลายประเทศสำหรับ Toyota C-HR ขุมพลังสายไฮบริด รักธรรมชาติ ครอสโอเวอร์ ตัวใหม่จากค่าย Toyota ที่ต้องบอกว่าได้รับการตอบรับจากหลายประเทศเป็นอย่างดี ซึ่งในงานมอเตอร์โชว์ประเทศต่างๆก็มีการโชว์รถต้นแบบที่เปิดเผยระบบของ Toyota C-HR ภายใน และภายนอกแบบจัดเต็ม ทำให้ได้รับยอดสั่งจองมากมายเลย ทีเดียว แต่หลายท่านอาจจะยังไม่รู้จักกันดีนัก เราจะพาไปทำความรู้จักแบบพื้นฐานกันเลย คำว่า C-HR เป็นคำที่ย่อมาจาก Coupe High-Rider ที่แปลว่า รถคูเป้แบบยกสูงนั้นเอง แค่สไตล์ของ Toyota C-HR นั้นเป็นสไตล์ครอสโอเวอร์สี่ประตู ซึ่งทาง Toyota ต้องการพัฒนาให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์แนวโฉบเฉี่ยวและประหยัดพลังงานซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในตลาดรถสมัยใหม่พอสมควร แต่ต้องขอบอกก่อนว่าวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก Toyota C-HR ภายใน กันว่าจะทำออกมาตอบโจทย์มากแค่ไหน

    การเลือกซื้อรถสักคันหลายท่านอาจจะมองต่างกันออกไปแต่สำหรับผมแล้วจะเน้นดูประสิทธิภาพและระบบภายใน เป็นหลัก ซึ่งหลายท่านที่กำลังตัดสิ้นใจว่าจะซื้อ Toyota C-HR ดีหรือไม่ เราไปดู Toyota C-HR ภายใน กันก่อนเลย ระบบภายในห้องโดยสารนั้นค่อนข้างโดดเด่น ด้วยระบบหน้าจอแดชบอร์ดขนาดใหญ่ 9 นิ้ว ตามมาด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสามก้าน และมาตรวัดทรงกลมที่มีหน้าจอแสดงผลตรงกลางขนาด 4.2 นิ้ว ช่วยให้มองได้ชัดเจนมากขึ้นปรับแสงอัตโนมัติ ต่อไประบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมโหมด ECO ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังจัดเต็มเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย Toyota Safety Sense ที่ประกอบไปด้วย ระบบเตือนภัยการชนด้านหน้า ระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้า และระบบอ่านป้ายจราจรอัตโนมัติ และอื่นมากมาย



    ระบบนคอนโซลจะเน้นความสะดวกและสะอาดตา วัสดุที่ใช้เน้นการสัมผัสที่นุ่มนวลและสีสันโทนเข้มออกแนวหรูหราเป็นหลัก เพิ่มลูกเล่นด้วยผ้าที่มีสัมผัสแบบสปอร์ตที่เบาะนั่งและแผงข้างประตู หัวเกียร์เป็นโลหะหุ้มด้วยหนังเน้นสวยงามและน่าใช้งานเป็นหลัก สำหรับเบาะนั่งนั้นผ่านการออกแบบให้เสริมความแข็งแรงและหนามากขึ้น ช่วยกระจายแรงกดของผู้ขับขี่และคนโดยสารช่วยให้สามารขับต่อเนื่องได้โดยไม่ปวดเมื่อย นอกจากนี้เบาะที่นั่งแถวหลังยังสามารถพับแยกส่วน 60:40 ให้เป็นแนวราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มมากขึ้น ภายในรถยังมีช่องใส่ของมากมาย สไตล์รถอเนกประสงค์แบบครบครัน สำหรับเครื่องยนต์นั้นก็มีให้เลือกถึง 3 แบบ ซึ่งมีรุ่นแยกย่อยออกไปอีกมากมาย สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะวางจำหน่ายในวันที่เท่าไหร่ คาดว่าปลายปี 2060 หรือไม่ก็ต้นปี 2061 โตโยต้าจะได้เห็น C-HR กัน รอติดตามกันต่อไปนะครับ


แผงแดชบอร์ดนั้น การจัดวางตำแหน่งจะต่างจาก Toyota Prius ที่ใช้ Platform Toyota New Global Architecture (TNGA) เหมือนกัน อย่างสิ้นเชิง มีจอกลาง
วางในลักษณะรถยนต์ยุคใหม่ๆ คือเป็นจอลอยตัวขึ้นมา คล้ายเอา Tablet หรือ iPad มาวางไว้ แต่ถูกลดทอนขอบต่างๆ ให้มีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องกับส่วนอื่นๆของรถ
ด้วยการลากเส้นตกแต่ง ยาวจากประตูฝั่งซ้าย ไปจรดที่ประตูฝั่งขวา

ในภาพที่เห็นจะเป็นเวอร์ชั่น Hybrid ซึ่งจะถูกตกแต่งด้วยเส้นสีฟ้า คาดว่ารุ่นอื่นๆที่เป็นเครื่องยนต์ปกติ หรือ เครื่องยนต์เทอร์โบจะมีการใช้วัสดุที่ต่างกันออกไป
เช่น สีเงินเมทัลลิคอย่างแน่นอน

นอกจากนี้บริเวณจอกลางยังมีการแทรกนาฬิกาเล็กๆเอาไว้ ที่มุมล่างด้านขวาโดยวัสดุตกแต่งแผชแดชบอร์ดหลักจะใช้ สีดำ Piano Black ตามสมัยนิยม





ชุดมาตรวัด 2 วง ขนาบข้าง แทรกด้วยจอ MID กลางแบบสี TFT เหมือนกับรถ Toyota รุ่นใหม่ในปัจจุบันของบ้านเรา ด้านซ้ายเวอร์ชั่น Hybrid จะเป็นมาตรวัดมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ ส่วนเวอร์ชั่นปกติ น่าจะเป็นตำแหน่งที่อยู่ของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์

วงด้านขวาจะเป็นมาตรวัดความเร็ว เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ว่า มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ยังคงมีอยู่ ต่างจากรถในปัจจุบันที่จะมีเพียงแค่ไฟแจ้งเตือน

ระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone พร้อมหน้าจอแสดงผล แบบดิจิตอลสีฟ้า ตรงกลาง





โทนสีหลักภายในห้องโดยสาร จะใช้สีน้ำตาลเข้มออกแดง ในช่วงครึ่งคันรถส่วนบนส่วนอื่นๆทั้งคันรถจะใช้โทนสีดำ บรรยากาศภายในเน้นโทนสปอร์ต แต่แอบมีกลิ่นอาย
ของความหรูเข้ามานิดๆจากการใช้โทนสี

บริเวณครึ่งบนของแดชบอร์ดหน้ามีการเดินตะเข็บด้ายจริง การวางตำแหน่งของหน้าจอและ แผงควบคุมต่างๆเอาใจคนขับ ด้วยการเอียงมุมองศา เข้ามาหาฝั่งผู้ขับขี่มากกว่า
รถทั่วไป



เบาะนั่งทรงสปอร์ตดูแล้วน่าจะค่อนข้างกระชับอยู่ไม่น้อย มีการใช้ลวดลายเดินตะเข็บทั้งตัวเบาะ ส่วนของเกียร์จะใช้เป็นแบบถุงหุ้ม ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า
รวมถึงช่องวางแก้วน้ำ และ แผงประตูส่วนล่าง จะมีการใช้ไฟ Ambient Light มาเสริมบรรยากาศเข้าไปด้วย

Toyota C-HR เฉียบคมและมีพลังดุจอัญมณี

   นี่ก็เพิ่งผ่านพ้นเดือนแรกของปี 2560 หรือปี 2017 กันมาเดือนหนึ่งแล้วนะครับ กำลังขึ้นต้นเดือนที่สองกันแล้ว และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็ได้มีงาน Bangkok Motor show กันไปแล้ว ก็ทำให้พวกเราได้เห็นหน้าเห็นตารถใหม่ๆ กันไปหลายรุ่นแล้วในหลายค่ายรถยอดฮิตนะครับ สวยถูกอกถูกใจกันไปบ้าง ไม่ถูกใจบ้างก็นานาจิตตังกันไปนะครับ แต่ถ้าคนไหนยังต้องการจะเลือกซื้อรถอยู่ แต่ยังไม่เจอคันที่ถูกในกันสักที วันนี้นะครับ ผมมีเรื่องราวของรถจากค่ายรถยอดฮิตติดตราตรึงใจคนไทยมานานอีกค่ายหนึ่ง นั่นคือโตโยต้า มาฝากทุกคนครับ เพราะในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง Toyota C-HR นั่นเอง



   Toyota C-HR รถรุ่นใหม่จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ก็ได้ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีที่จะเปิดตัวให้ทุกคนได้เห็นกันแล้วนะครับ หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่นเขาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น Honda HR-V, Nissan Juke, Ford Ecosport ล่าสุด Mazda CX-3 วิ่งกันเต็มท้องถนนไปสักพักใหญ่ โดย Toyota C-HR เปิดตัวครั้งแรกเลย แต่มาในแบบรถต้นแบบหรือ Concept Car นะครับ ที่ประเทศฝรั่งเศส ในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2014 ซึ่งตัวนั้นจะเป็นรถต้นแบบคันแรกเลย รูปร่างหน้าตาต่างๆ ก็จะออกแนวคล้ายๆ รถในหนังยุคอนาคตที่แทบจะไม่ต้องมีคนขับอะไรประมาณนั้น จากนั้นทางโตโยต้าเขาก็ได้ไปทำการปรับปรุงและพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Toyota C-HR รถต้นแบบเบอร์ 2 แล้วนำมาให้ประชาชนได้ดูกันที่ประเทศเยอรมนี ในงาน แฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 มาถึงจุดนี้ก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างกันมาแล้วนะครับ จนมาถึงงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 นี่เอง โตโยต้าของพวกเราก็ได้ทำการเปิดตัว Toyota C-HR เวอร์ชั่นที่จะออกขายกันจริงๆ แล้ว มาให้สายตาประชาชนได้ยลยินกัน ส่วนพี่ไทยบ้านเราก็คาดว่าน่าจะมาให้เราได้สัมผัสกันช่วงปลายปี 2017 หรือราวๆต้นปี 2018 นะครับ อดใจรอกันสักครู่นะครับ เราก็จะได้เห็นเจ้า Toyota C-HR วิ่งกันตามท้องถนนแล้วนะครับ ที่มาพร้อมกับความโฉบเฉี่ยวแถมยังมีพลังดุจอัญมณีกันเลยทีเดียว



   ในทุกวันนี้ รถแต่ละค่ายก็ได้มีการพัฒนารูปแบบ หน้าตา รวมถึงสมรรถนะต่างๆ ออกไปสวยงามมากยิ่งขึ้น มีความโฉบเฉี่ยว หรูหรา กันตามความชื่นชอบของคนในแต่ยุคสมัย โตโยต้าก็เป็นอีกค่ายที่อยู่ในใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ก็ได้เปิดตัว Toyota C-HR รถอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย แต่จะเป็นอย่างไรนั้น อกใจรออีกไม่นาน คันจริง เวอร์ชั่นจริง แบบชนิดวางขายในประเทศไทย จะได้มาพบกับทุกคนแน่นอนครับ

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ราคา Toyota C-HR ที่ UK มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ 1.2 Turbo/1.8 Hybrid

หนึ่งในรถยนต์ Crossover ที่หลายคนเฝ้าคอยให้มาประเทศไทยจาก Toyota อย่าง C-HR ได้เริ่มออกจำหน่ายที่ประเทศอังกฤษแล้ว เราจึงนำราคา Toyota CH-R รุ่นย่อยทั้ง 11 รุ่นย่อย มาให้ชมกันหากรถยนต์รุ่นนี้ออกจำหน่ายในประเทศไทยช่วงต้นปี 2018 เท่ียบกับคู่แข่งใน Segment เดียวกัน และ ใกล้เคียง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอย่างไร



Toyota CH-R ที่เริ่มออกจำหน่ายในเมืองผู้ดีมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 รุ่น, 3 รุ่นย่อย, ระบบส่งกำลัง 2 แบบ ทั้งเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ, ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อหน้า และ 4 ล้อ

นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ซึ่งติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อยประกอบไปด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System (with Pedestrian Detection), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Adaptive Cruise Control , ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Alert with steering control, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam, และ ระบบแสดงผลป้ายจราจร Road Sign Assist



สำหรับรายละเอียดเครื่องยนต์, ราคารุ่นย่อยแต่ละรุ่น, และ ราคาเทียบกับคู่แข่งสามารถดูจากตารางด้านล่างได้เลย


เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร Turbo รหัส 8NR-FTS DOHC 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Direct Injection D4 VVT-iw (intake) / VVT-i (exhaust) ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 71.5 x 74.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1  กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid รหัส 2ZR-FXE DOHC 4 สูบแถวเรียง Atkinson cycle 16 วาล์ว VVT-i  ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.04 : 1  กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า PERMANENT MAGNET SYNCHRONOUS ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH ( Nickel metal Hydride ) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า



สรุปด้านเครื่องยนต์ – ระบบส่งกำลัง – ระบบขับเคลื่อน
(ในประเทศอังกฤษ : UK United Kingdom)

Toyota C-HR มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

เบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบ 116 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ขับเคลื่อน 2 ล้อ – ขับเคลื่อน 4 ล้อ

เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT รวมพละกำลังจาก ทั้งเครื่องยนต์และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อ