วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

Toyota C-HR รถตัวใหม่สำหรับคนเมือง ที่ชอบ Adventure

   คนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองจะรู้ดีว่า ในเวลาเร่งด่วนไม่ว่าจะตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ตาม รถในเมืองจะต้องติดกันเป็นหางว่าวเสมอ แถมการขับรถในช่องทางที่แคบๆของเมืองยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว โดยเฉพาะเมื่อเราเลือกที่จะใช้รถที่เน้นในการบรรทุกครอบครัวที่เราห่วงใยจากที่ทำงานหรือที่เรียนเพื่อพากลับไปบ้านในแต่ละวัน ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่นั่นจะเปลี่ยนไปด้วยรถยนตร์ตัวใหม่จากทาง Toyota



   Toyota C-HR คือนวัตกรรมใหม่ทางยานยนตร์ ที่สามารถมอบความสะดวกและหรูหราให้ได้อย่างเท่าเทียมกัน เราสามารถเห็นได้จากตัวอย่างของรถย่ห้ออื่นๆว่า มักจะเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษเสมอ ถ้าเป็น Mitsubishi เน้นไปที่ด้านการโหลดน้ำหนัก และการขนส่งสินค้าหรือผู้โดยสารจำนวนมาก และสามารถที่จะเพิ่มส่วนเสริมอย่างตัวปิดท้าย Carry Boy ได้, ถ้าหากเป็นยี่ห้อ Hondaหรือ Nissan ก็เน้นไปที่สมรรถนะของเครื่องยนตร์หรือความทนทานของเครื่อง ซึ่งแลกกับความสามารถในการบรรทุก เป็นต้น แต่ Toyota พยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างคุณสมบัติทั้งสองนี้ด้วยรถหลายๆรุ่นมามากแล้ว และ Toyota C-HR คือคำตอบที่ดีที่สุด

   Toyota C-HR จะเน้นการออกแบบให้เอื้อต่อลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุง ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด หรือ พื้นที่ในการขับขี่ที่ค่อนข้างแคบและจะไม่สะดวกสักนิดหากผู้ขับขี่เลือกที่จะใช้รถขนาดใหญ่ แต่ทางเลือก็ไม่ได้มีมากเท่าไรนัก เพราะลูกค้าที่ซื้อรถส่วนใหญ่นั้นซื้อมาเพื่อใช้ในครอบครัว ที่ต้องมีสมาชิกมากกว่า 2-3 คนขึ้นไปอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ความจำเป็นและสภาพพื้นที่ขัดกันเป็นอย่างมาก ด้วย Toyota C-HR เราเลือกที่จะดีไซน์ตัวรถส่วนหลังให้กว่างขวางเพื่อเอื้อต่อผู้โดยสารเพิ่มเติม (รวมไปถึงสิ่งของที่จะบรรทุกเพิ่มด้วย)และเน้นระบบขับเคลื่อนหลักไปที่ล้อหน้าทั้งสอง เพื่อให้การควบคุมรถสามารถเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้สะดวกต่อการขับขึ่ในพื้นที่ๆคับแคบ และใด้วยระบบเกียร์ตัวใหม่ที่เรานำมาใช้งานร่วมกับ Toyota C-HR ผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่จะช่วยให้ผู้ขับสามารถขับขี่บนถนนได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

   และไม่เพียงแค่นั้น Toyota C-HR ยังมาพร้อมกับระบบเอื้ออำนวยต่อความสะดวกในการขับไม่ว่าจะเป็น ระบบติดตาม GPS, ระบบกล้องหน้าและกล้องหลัง, เซนเซอร์ตรวจจับหลังรถเพื่อช่วยในการถอยหลังจอด, วิทยุFM/AM ที่มาพร้อมกับหัวต่อ USB และ Bluetooth และแน่นอนว่าลูกค้าที่สนใจสามารถที่จะเพิ่มเติมส่วนเสริมที่ต้องการได้ตามสั่ง ณ จุดขาย (คาดการณ์ว่ารถจะเปิดตัวสู่มือผู้บริโภคในช่วงประมาณปี 2018)

1 ความคิดเห็น: