วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

โตโยต้า ซีเอชอาร์ ราคาคุ้มค่า ดีไซน์ทันสมัย



   สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีสไตล์ทันสมัย  ใช้งานได้ดี สมรรถนะเยี่ยม  เราขอแนะนำรถยนต์ โตโยต้า  ซีเอชอาร์ ราคาคุ้มค่าที่คุณนั้นต้องอยากลงทุนแน่นอน  ซึ่งก็มีหลายรุ่นให้คุณเลือกใช้ แต่ถ้าอยากได้รุ่นใหม่ที่มียอดจองสูงเกินเป้าหมายกว่า 8 เท่าในประเทศญี่ปุ่น  ต้องเป็น โตโยต้า ซีเอชอาร์ ครอสโอเวอร์

   สำหรับโตโยต้า ซีเอชอาร์  ครอสโอเวอร์นั้นถือเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก  มีการออกแบบให้มีรูปร่างที่โค้งมนดั่งเพชร โดยเครื่องยนต์นั้นมีหลายแบบมาก  แต่สำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะมีเครื่องยนต์แบบไหนกันบ้าง  สิ่งที่น่าสนใจคือ เครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร เทอร์โบ  ที่ให้กำลังเท่ากับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในระบบไดเร็กต์  อินเจคชั่น  ทำให้การเผาไหม้ละเอียดและสมบูรณ์แบบมากขึ้น  หรืออาจจะเป็นเครื่องยนต์แบบ เเบนซิน 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ก็ได้และยังสร้างมาจากแพลตฟอร์มเดียวกับโตโยต้า พรีอุส ซึ่งมีความปราดเปรียวคล่องตัวสูง  และภายในรถยังมีดีไซน์ทันสมัยเน้นความโค้งมนด้วยลักษณะเส้นสายที่ดูแปลกๆแหวกแนว และในห้องโดยสารนั้นจะมี 3  สี ให้เลือกใช้กัน นั่นคือ  สีเทา  ดำสลับฟ้า และดำสลับน้ำตาล เป็นต้น  พวงมาลัยก็เป็นแบบทรงสปอร์ต  หน้าจอกลางเป็นแบบทัชสกรีน ช่องอากาศก็จะมีดีไซน์ที่โดดเด่นสุดๆ  และมีไฟหน้าเป็นแบบ LED  และล้ออัลลอยด้วย  ซึ่งในรถรุ่นนี้มีถึง 8 สีให้เลือกกันเลยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมืองไทยจะมีสีไหนเข้ามาบ้าง  รุ่นนี้ของโตโยต้า ซีเอชอาร์ ราคา    875,000 – 1,200,000 บาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ เพราะสมรรถนะดีเยี่ยม  รูปลักษณ์ทันสมัย  มีหลายสีให้เลือกสรร  แถมเป็นยี่ห้อที่เราให้ความไว้วางใจด้วย

   โตโยต้า ซีเอชอาร์  ราคาคุ้มค่าน่าลงทุน  เพราะว่าดีไซน์สวยโดนใจ  แถมยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีผู้นิยมใช้กันทั่วโลกด้วย   ใครที่กำลังอยากได้รถยนต์คันเล็ก  ประหยัดน้ำมัน จะไปเป็นเดี่ยว  ไปคู่หรือครอบครัวก็สะดวกสบาย  ขอให้คุณนึกถึงโตโยต้า  ซีเอชอาร์  ครอสโอเวอร์  รถสปอร์ตดูหรูหราที่บอกได้เลยว่าน่าจับจองเป็นเจ้าของสุดๆ  แต่ตอนนี้ถึงรถยี่ห้อนี้ยังไม่เปิดตัวในไทย  เพราะฉะนั้นก็ต้องคอยติดตามข่าวสารกันหน่อยล่ะ  เพื่อจะได้ไปจองกันได้ถูกและต้องมาลุ้นกันด้วยนะว่า จะมีสีอะไรบ้างและใช้เครื่องยนต์แบบไหนด้วย  คราวนี้ล่ะเราก็จะมีรถยนต์เล็ก สไตล์หรู ในราคาที่เรากล้าลงทุน ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าแพงมาก  แต่ถ้าพูดถึงสมรรถนะ ความสวยงามแล้วก็คุ้มค่าที่จะซื้อจริงๆ

Toyota C-HR รถตัวใหม่สำหรับคนเมือง ที่ชอบ Adventure

   คนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองจะรู้ดีว่า ในเวลาเร่งด่วนไม่ว่าจะตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ตาม รถในเมืองจะต้องติดกันเป็นหางว่าวเสมอ แถมการขับรถในช่องทางที่แคบๆของเมืองยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว โดยเฉพาะเมื่อเราเลือกที่จะใช้รถที่เน้นในการบรรทุกครอบครัวที่เราห่วงใยจากที่ทำงานหรือที่เรียนเพื่อพากลับไปบ้านในแต่ละวัน ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่นั่นจะเปลี่ยนไปด้วยรถยนตร์ตัวใหม่จากทาง Toyota



   Toyota C-HR คือนวัตกรรมใหม่ทางยานยนตร์ ที่สามารถมอบความสะดวกและหรูหราให้ได้อย่างเท่าเทียมกัน เราสามารถเห็นได้จากตัวอย่างของรถย่ห้ออื่นๆว่า มักจะเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษเสมอ ถ้าเป็น Mitsubishi เน้นไปที่ด้านการโหลดน้ำหนัก และการขนส่งสินค้าหรือผู้โดยสารจำนวนมาก และสามารถที่จะเพิ่มส่วนเสริมอย่างตัวปิดท้าย Carry Boy ได้, ถ้าหากเป็นยี่ห้อ Hondaหรือ Nissan ก็เน้นไปที่สมรรถนะของเครื่องยนตร์หรือความทนทานของเครื่อง ซึ่งแลกกับความสามารถในการบรรทุก เป็นต้น แต่ Toyota พยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างคุณสมบัติทั้งสองนี้ด้วยรถหลายๆรุ่นมามากแล้ว และ Toyota C-HR คือคำตอบที่ดีที่สุด

   Toyota C-HR จะเน้นการออกแบบให้เอื้อต่อลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุง ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด หรือ พื้นที่ในการขับขี่ที่ค่อนข้างแคบและจะไม่สะดวกสักนิดหากผู้ขับขี่เลือกที่จะใช้รถขนาดใหญ่ แต่ทางเลือก็ไม่ได้มีมากเท่าไรนัก เพราะลูกค้าที่ซื้อรถส่วนใหญ่นั้นซื้อมาเพื่อใช้ในครอบครัว ที่ต้องมีสมาชิกมากกว่า 2-3 คนขึ้นไปอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ความจำเป็นและสภาพพื้นที่ขัดกันเป็นอย่างมาก ด้วย Toyota C-HR เราเลือกที่จะดีไซน์ตัวรถส่วนหลังให้กว่างขวางเพื่อเอื้อต่อผู้โดยสารเพิ่มเติม (รวมไปถึงสิ่งของที่จะบรรทุกเพิ่มด้วย)และเน้นระบบขับเคลื่อนหลักไปที่ล้อหน้าทั้งสอง เพื่อให้การควบคุมรถสามารถเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้สะดวกต่อการขับขึ่ในพื้นที่ๆคับแคบ และใด้วยระบบเกียร์ตัวใหม่ที่เรานำมาใช้งานร่วมกับ Toyota C-HR ผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่จะช่วยให้ผู้ขับสามารถขับขี่บนถนนได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

   และไม่เพียงแค่นั้น Toyota C-HR ยังมาพร้อมกับระบบเอื้ออำนวยต่อความสะดวกในการขับไม่ว่าจะเป็น ระบบติดตาม GPS, ระบบกล้องหน้าและกล้องหลัง, เซนเซอร์ตรวจจับหลังรถเพื่อช่วยในการถอยหลังจอด, วิทยุFM/AM ที่มาพร้อมกับหัวต่อ USB และ Bluetooth และแน่นอนว่าลูกค้าที่สนใจสามารถที่จะเพิ่มเติมส่วนเสริมที่ต้องการได้ตามสั่ง ณ จุดขาย (คาดการณ์ว่ารถจะเปิดตัวสู่มือผู้บริโภคในช่วงประมาณปี 2018)