กระทู้ที่แล้วเราได้นำเสนอรูปภายนอก Toyota C-HR สวยงามขนาดไหนนั้นคงได้เห็นไปแล้ว ถ้าใครไม่รู้ว่าหาไม่เจอคลิก Link นี้ได้เลยนะครับ --> รูปภายนอก Toyota C-HR
ซึ่งวันนี้จะนำรูปภายใน Toyota C-HR มาให้ได้ชมกันครับ หลายๆท่านคงอดใจรอที่จะสัมผัสกับเจ้า Toyota CHR กับแทบไม่ไหวกันเลยทีเดียว^^
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในหลายประเทศสำหรับ Toyota C-HR
ขุมพลังสายไฮบริด รักธรรมชาติ ครอสโอเวอร์ ตัวใหม่จากค่าย Toyota
ที่ต้องบอกว่าได้รับการตอบรับจากหลายประเทศเป็นอย่างดี
ซึ่งในงานมอเตอร์โชว์ประเทศต่างๆก็มีการโชว์รถต้นแบบที่เปิดเผยระบบของ Toyota C-HR ภายใน
และภายนอกแบบจัดเต็ม ทำให้ได้รับยอดสั่งจองมากมายเลย ทีเดียว
แต่หลายท่านอาจจะยังไม่รู้จักกันดีนัก
เราจะพาไปทำความรู้จักแบบพื้นฐานกันเลย คำว่า C-HR เป็นคำที่ย่อมาจาก Coupe
High-Rider ที่แปลว่า รถคูเป้แบบยกสูงนั้นเอง แค่สไตล์ของ Toyota C-HR
นั้นเป็นสไตล์ครอสโอเวอร์สี่ประตู ซึ่งทาง Toyota
ต้องการพัฒนาให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์แนวโฉบเฉี่ยวและประหยัดพลังงานซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในตลาดรถสมัยใหม่พอสมควร
แต่ต้องขอบอกก่อนว่าวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก Toyota C-HR ภายใน กันว่าจะทำออกมาตอบโจทย์มากแค่ไหน
การเลือกซื้อรถสักคันหลายท่านอาจจะมองต่างกันออกไปแต่สำหรับผมแล้วจะเน้นดูประสิทธิภาพและระบบภายใน
เป็นหลัก ซึ่งหลายท่านที่กำลังตัดสิ้นใจว่าจะซื้อ Toyota C-HR ดีหรือไม่
เราไปดู Toyota C-HR ภายใน
กันก่อนเลย ระบบภายในห้องโดยสารนั้นค่อนข้างโดดเด่น
ด้วยระบบหน้าจอแดชบอร์ดขนาดใหญ่ 9 นิ้ว
ตามมาด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสามก้าน
และมาตรวัดทรงกลมที่มีหน้าจอแสดงผลตรงกลางขนาด 4.2 นิ้ว
ช่วยให้มองได้ชัดเจนมากขึ้นปรับแสงอัตโนมัติ ต่อไประบบปรับอากาศอัตโนมัติ
พร้อมโหมด ECO
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังจัดเต็มเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย Toyota
Safety Sense ที่ประกอบไปด้วย ระบบเตือนภัยการชนด้านหน้า
ระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้า
และระบบอ่านป้ายจราจรอัตโนมัติ และอื่นมากมาย
ระบบนคอนโซลจะเน้นความสะดวกและสะอาดตา
วัสดุที่ใช้เน้นการสัมผัสที่นุ่มนวลและสีสันโทนเข้มออกแนวหรูหราเป็นหลัก
เพิ่มลูกเล่นด้วยผ้าที่มีสัมผัสแบบสปอร์ตที่เบาะนั่งและแผงข้างประตู
หัวเกียร์เป็นโลหะหุ้มด้วยหนังเน้นสวยงามและน่าใช้งานเป็นหลัก
สำหรับเบาะนั่งนั้นผ่านการออกแบบให้เสริมความแข็งแรงและหนามากขึ้น
ช่วยกระจายแรงกดของผู้ขับขี่และคนโดยสารช่วยให้สามารขับต่อเนื่องได้โดยไม่ปวดเมื่อย
นอกจากนี้เบาะที่นั่งแถวหลังยังสามารถพับแยกส่วน 60:40
ให้เป็นแนวราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มมากขึ้น
ภายในรถยังมีช่องใส่ของมากมาย สไตล์รถอเนกประสงค์แบบครบครัน
สำหรับเครื่องยนต์นั้นก็มีให้เลือกถึง 3 แบบ
ซึ่งมีรุ่นแยกย่อยออกไปอีกมากมาย สำหรับประเทศไทย
ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะวางจำหน่ายในวันที่เท่าไหร่
คาดว่าปลายปี 2060 หรือไม่ก็ต้นปี 2061 โตโยต้าจะได้เห็น C-HR กัน
รอติดตามกันต่อไปนะครับ
แผงแดชบอร์ดนั้น
การจัดวางตำแหน่งจะต่างจาก Toyota Prius ที่ใช้ Platform Toyota New
Global Architecture (TNGA) เหมือนกัน อย่างสิ้นเชิง มีจอกลาง
วางในลักษณะรถยนต์ยุคใหม่ๆ
คือเป็นจอลอยตัวขึ้นมา คล้ายเอา Tablet หรือ iPad มาวางไว้
แต่ถูกลดทอนขอบต่างๆ ให้มีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องกับส่วนอื่นๆของรถ
ด้วยการลากเส้นตกแต่ง ยาวจากประตูฝั่งซ้าย ไปจรดที่ประตูฝั่งขวา
ในภาพที่เห็นจะเป็นเวอร์ชั่น
Hybrid ซึ่งจะถูกตกแต่งด้วยเส้นสีฟ้า
คาดว่ารุ่นอื่นๆที่เป็นเครื่องยนต์ปกติ หรือ
เครื่องยนต์เทอร์โบจะมีการใช้วัสดุที่ต่างกันออกไป
เช่น สีเงินเมทัลลิคอย่างแน่นอน
นอกจากนี้บริเวณจอกลางยังมีการแทรกนาฬิกาเล็กๆเอาไว้
ที่มุมล่างด้านขวาโดยวัสดุตกแต่งแผชแดชบอร์ดหลักจะใช้ สีดำ Piano Black
ตามสมัยนิยม
ชุดมาตรวัด
2 วง ขนาบข้าง แทรกด้วยจอ MID กลางแบบสี TFT เหมือนกับรถ Toyota
รุ่นใหม่ในปัจจุบันของบ้านเรา ด้านซ้ายเวอร์ชั่น Hybrid
จะเป็นมาตรวัดมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ ส่วนเวอร์ชั่นปกติ
น่าจะเป็นตำแหน่งที่อยู่ของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์
วงด้านขวาจะเป็นมาตรวัดความเร็ว
เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ว่า มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ยังคงมีอยู่
ต่างจากรถในปัจจุบันที่จะมีเพียงแค่ไฟแจ้งเตือน
ระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone พร้อมหน้าจอแสดงผล แบบดิจิตอลสีฟ้า ตรงกลาง
โทนสีหลักภายในห้องโดยสาร
จะใช้สีน้ำตาลเข้มออกแดง
ในช่วงครึ่งคันรถส่วนบนส่วนอื่นๆทั้งคันรถจะใช้โทนสีดำ
บรรยากาศภายในเน้นโทนสปอร์ต แต่แอบมีกลิ่นอาย
ของความหรูเข้ามานิดๆจากการใช้โทนสี
บริเวณครึ่งบนของแดชบอร์ดหน้ามีการเดินตะเข็บด้ายจริง
การวางตำแหน่งของหน้าจอและ แผงควบคุมต่างๆเอาใจคนขับ ด้วยการเอียงมุมองศา
เข้ามาหาฝั่งผู้ขับขี่มากกว่า
รถทั่วไป
เบาะนั่งทรงสปอร์ตดูแล้วน่าจะค่อนข้างกระชับอยู่ไม่น้อย
มีการใช้ลวดลายเดินตะเข็บทั้งตัวเบาะ ส่วนของเกียร์จะใช้เป็นแบบถุงหุ้ม
ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า
รวมถึงช่องวางแก้วน้ำ และ แผงประตูส่วนล่าง จะมีการใช้ไฟ Ambient Light มาเสริมบรรยากาศเข้าไปด้วย
วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
Toyota C-HR เฉียบคมและมีพลังดุจอัญมณี
นี่ก็เพิ่งผ่านพ้นเดือนแรกของปี 2560 หรือปี 2017
กันมาเดือนหนึ่งแล้วนะครับ กำลังขึ้นต้นเดือนที่สองกันแล้ว
และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็ได้มีงาน Bangkok Motor show กันไปแล้ว
ก็ทำให้พวกเราได้เห็นหน้าเห็นตารถใหม่ๆ
กันไปหลายรุ่นแล้วในหลายค่ายรถยอดฮิตนะครับ สวยถูกอกถูกใจกันไปบ้าง
ไม่ถูกใจบ้างก็นานาจิตตังกันไปนะครับ
แต่ถ้าคนไหนยังต้องการจะเลือกซื้อรถอยู่ แต่ยังไม่เจอคันที่ถูกในกันสักที
วันนี้นะครับ
ผมมีเรื่องราวของรถจากค่ายรถยอดฮิตติดตราตรึงใจคนไทยมานานอีกค่ายหนึ่ง
นั่นคือโตโยต้า มาฝากทุกคนครับ เพราะในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง Toyota C-HR นั่นเอง
Toyota C-HR รถรุ่นใหม่จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ก็ได้ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีที่จะเปิดตัวให้ทุกคนได้เห็นกันแล้วนะครับ หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่นเขาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น Honda HR-V, Nissan Juke, Ford Ecosport ล่าสุด Mazda CX-3 วิ่งกันเต็มท้องถนนไปสักพักใหญ่ โดย Toyota C-HR เปิดตัวครั้งแรกเลย แต่มาในแบบรถต้นแบบหรือ Concept Car นะครับ ที่ประเทศฝรั่งเศส ในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2014 ซึ่งตัวนั้นจะเป็นรถต้นแบบคันแรกเลย รูปร่างหน้าตาต่างๆ ก็จะออกแนวคล้ายๆ รถในหนังยุคอนาคตที่แทบจะไม่ต้องมีคนขับอะไรประมาณนั้น จากนั้นทางโตโยต้าเขาก็ได้ไปทำการปรับปรุงและพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Toyota C-HR รถต้นแบบเบอร์ 2 แล้วนำมาให้ประชาชนได้ดูกันที่ประเทศเยอรมนี ในงาน แฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 มาถึงจุดนี้ก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างกันมาแล้วนะครับ จนมาถึงงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 นี่เอง โตโยต้าของพวกเราก็ได้ทำการเปิดตัว Toyota C-HR เวอร์ชั่นที่จะออกขายกันจริงๆ แล้ว มาให้สายตาประชาชนได้ยลยินกัน ส่วนพี่ไทยบ้านเราก็คาดว่าน่าจะมาให้เราได้สัมผัสกันช่วงปลายปี 2017 หรือราวๆต้นปี 2018 นะครับ อดใจรอกันสักครู่นะครับ เราก็จะได้เห็นเจ้า Toyota C-HR วิ่งกันตามท้องถนนแล้วนะครับ ที่มาพร้อมกับความโฉบเฉี่ยวแถมยังมีพลังดุจอัญมณีกันเลยทีเดียว
ในทุกวันนี้ รถแต่ละค่ายก็ได้มีการพัฒนารูปแบบ หน้าตา รวมถึงสมรรถนะต่างๆ ออกไปสวยงามมากยิ่งขึ้น มีความโฉบเฉี่ยว หรูหรา กันตามความชื่นชอบของคนในแต่ยุคสมัย โตโยต้าก็เป็นอีกค่ายที่อยู่ในใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ก็ได้เปิดตัว Toyota C-HR รถอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย แต่จะเป็นอย่างไรนั้น อกใจรออีกไม่นาน คันจริง เวอร์ชั่นจริง แบบชนิดวางขายในประเทศไทย จะได้มาพบกับทุกคนแน่นอนครับ
Toyota C-HR รถรุ่นใหม่จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ก็ได้ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีที่จะเปิดตัวให้ทุกคนได้เห็นกันแล้วนะครับ หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่นเขาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น Honda HR-V, Nissan Juke, Ford Ecosport ล่าสุด Mazda CX-3 วิ่งกันเต็มท้องถนนไปสักพักใหญ่ โดย Toyota C-HR เปิดตัวครั้งแรกเลย แต่มาในแบบรถต้นแบบหรือ Concept Car นะครับ ที่ประเทศฝรั่งเศส ในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2014 ซึ่งตัวนั้นจะเป็นรถต้นแบบคันแรกเลย รูปร่างหน้าตาต่างๆ ก็จะออกแนวคล้ายๆ รถในหนังยุคอนาคตที่แทบจะไม่ต้องมีคนขับอะไรประมาณนั้น จากนั้นทางโตโยต้าเขาก็ได้ไปทำการปรับปรุงและพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Toyota C-HR รถต้นแบบเบอร์ 2 แล้วนำมาให้ประชาชนได้ดูกันที่ประเทศเยอรมนี ในงาน แฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 มาถึงจุดนี้ก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างกันมาแล้วนะครับ จนมาถึงงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 นี่เอง โตโยต้าของพวกเราก็ได้ทำการเปิดตัว Toyota C-HR เวอร์ชั่นที่จะออกขายกันจริงๆ แล้ว มาให้สายตาประชาชนได้ยลยินกัน ส่วนพี่ไทยบ้านเราก็คาดว่าน่าจะมาให้เราได้สัมผัสกันช่วงปลายปี 2017 หรือราวๆต้นปี 2018 นะครับ อดใจรอกันสักครู่นะครับ เราก็จะได้เห็นเจ้า Toyota C-HR วิ่งกันตามท้องถนนแล้วนะครับ ที่มาพร้อมกับความโฉบเฉี่ยวแถมยังมีพลังดุจอัญมณีกันเลยทีเดียว
ในทุกวันนี้ รถแต่ละค่ายก็ได้มีการพัฒนารูปแบบ หน้าตา รวมถึงสมรรถนะต่างๆ ออกไปสวยงามมากยิ่งขึ้น มีความโฉบเฉี่ยว หรูหรา กันตามความชื่นชอบของคนในแต่ยุคสมัย โตโยต้าก็เป็นอีกค่ายที่อยู่ในใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ก็ได้เปิดตัว Toyota C-HR รถอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย แต่จะเป็นอย่างไรนั้น อกใจรออีกไม่นาน คันจริง เวอร์ชั่นจริง แบบชนิดวางขายในประเทศไทย จะได้มาพบกับทุกคนแน่นอนครับ
วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ราคา Toyota C-HR ที่ UK มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ 1.2 Turbo/1.8 Hybrid
หนึ่งในรถยนต์ Crossover ที่หลายคนเฝ้าคอยให้มาประเทศไทยจาก Toyota อย่าง C-HR ได้เริ่มออกจำหน่ายที่ประเทศอังกฤษแล้ว เราจึงนำราคา Toyota CH-R
รุ่นย่อยทั้ง 11 รุ่นย่อย
มาให้ชมกันหากรถยนต์รุ่นนี้ออกจำหน่ายในประเทศไทยช่วงต้นปี 2018
เท่ียบกับคู่แข่งใน Segment เดียวกัน และ ใกล้เคียง
มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอย่างไร
Toyota CH-R ที่เริ่มออกจำหน่ายในเมืองผู้ดีมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 รุ่น, 3 รุ่นย่อย, ระบบส่งกำลัง 2 แบบ ทั้งเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ, ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อหน้า และ 4 ล้อ
นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ซึ่งติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อยประกอบไปด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System (with Pedestrian Detection), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Adaptive Cruise Control , ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Alert with steering control, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam, และ ระบบแสดงผลป้ายจราจร Road Sign Assist
สำหรับรายละเอียดเครื่องยนต์, ราคารุ่นย่อยแต่ละรุ่น, และ ราคาเทียบกับคู่แข่งสามารถดูจากตารางด้านล่างได้เลย
เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร Turbo รหัส 8NR-FTS DOHC 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Direct Injection D4 VVT-iw (intake) / VVT-i (exhaust) ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 71.5 x 74.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid รหัส 2ZR-FXE DOHC 4 สูบแถวเรียง Atkinson cycle 16 วาล์ว VVT-i ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.04 : 1 กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า PERMANENT MAGNET SYNCHRONOUS ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH ( Nickel metal Hydride ) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า
สรุปด้านเครื่องยนต์ – ระบบส่งกำลัง – ระบบขับเคลื่อน
(ในประเทศอังกฤษ : UK United Kingdom)
Toyota C-HR มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบ 116 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ขับเคลื่อน 2 ล้อ – ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT รวมพละกำลังจาก ทั้งเครื่องยนต์และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อ
Toyota CH-R ที่เริ่มออกจำหน่ายในเมืองผู้ดีมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 รุ่น, 3 รุ่นย่อย, ระบบส่งกำลัง 2 แบบ ทั้งเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ, ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อหน้า และ 4 ล้อ
นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ซึ่งติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อยประกอบไปด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System (with Pedestrian Detection), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Adaptive Cruise Control , ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Alert with steering control, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam, และ ระบบแสดงผลป้ายจราจร Road Sign Assist
สำหรับรายละเอียดเครื่องยนต์, ราคารุ่นย่อยแต่ละรุ่น, และ ราคาเทียบกับคู่แข่งสามารถดูจากตารางด้านล่างได้เลย
เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร Turbo รหัส 8NR-FTS DOHC 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Direct Injection D4 VVT-iw (intake) / VVT-i (exhaust) ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 71.5 x 74.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid รหัส 2ZR-FXE DOHC 4 สูบแถวเรียง Atkinson cycle 16 วาล์ว VVT-i ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.04 : 1 กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า PERMANENT MAGNET SYNCHRONOUS ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH ( Nickel metal Hydride ) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า
สรุปด้านเครื่องยนต์ – ระบบส่งกำลัง – ระบบขับเคลื่อน
(ในประเทศอังกฤษ : UK United Kingdom)
Toyota C-HR มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบ 116 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ขับเคลื่อน 2 ล้อ – ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT รวมพละกำลังจาก ทั้งเครื่องยนต์และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)