วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

ข้อดีของพื้นตัวถัง TNGA ส่งผลดีต่อ Toyota C-HR อย่างไร?

ดูเหมือนว่า Toyota จะเริ่มประชาสัมพันธ์คุณงามความดีของชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม TNGA ว่ามันมีดีอย่างไรบ้างแล้วซึ่ง Toyota เลือกประชาสัมพันธ์
ข้อมูลในช่วงที่ Toyota C-HR ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดกำลังเปิดตัว เพราะมันคือรถยนต์ที่ช่วยสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ Toyota ในด้านงานดีไซน์, งานวิศวกรรมและตัวรถก็เป็นรถที่ตรงกับความต้องการของตลาดไม่น้อย



นับต่อจากนี้ไปค่ายรถที่มีสเกลการผลิตใหญ่ติดอันดับ 1-5 ของโลก น่าจะได้เปรียบกว่าค่ายรถรองลงมา หรือค่ายรถเล็กๆ มาก เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่หันมาใช้กลยุทธ์ Modular Platform หรือ “ชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม” ซึ่งเปรียบเสมือนการผลิตรถยนต์แบบ “จิ๊กซอว์ Lego” ทำให้ผู้ผลิตไม่ต้องออกแบบ หรือขึ้นแบบการผลิตชิ้นส่วนเล็กชิ้นส่วนน้อยให้เปลืองเวลาและต้นทุน ยิ่งมีจำนวนรุ่นและจำนวนการผลิตมากเท่าไรก็ยิ่งคุ้มทุนสุดๆ
สำหรับค่าย Toyota แล้ว แค่ชื่อก็ไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นเจ้าพ่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ต้นแบบการผลิตที่หลายคนต้องเดินตาม แต่ทว่าวันนี้ Toyota ต้องเดินตามตูด Volkswagen หรือแม้แต่ Renault-Nissan, Volvo ต้อย ๆ เพราะ Toyota เพิ่งเปิดตัว ชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม (Modular Platform) ตามหลังเพื่อน แต่ Toyota ถือคติมาทีหลังต้องดังกว่า ชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วมจาก Toyota จะใช้ชื่อว่า TNGA ย่อมาจาก “Toyota New Global Architecture” โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันระหว่างรถคอมแพคท์ไปจนถึงรถขนาดใหญ่



TNGA มีประโยชน์ต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพรถยนต์และเพิ่มความดึงดูดใจในผลิตภัณฑ์มากยิ่งกว่าที่เคยเป็น ลดการใช้ทรัพยากรในการพัฒนาได้มากถึง 20% มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ นำต้นทุนที่ลดได้มาอัพเกรดเทคโนโลยีให้มีความล้ำหน้ามากขึ้น และช่วยเติมเต็มความดึงดูดใจให้ผู้บริโภคได้ดีขึ้น

หลักของ TNGA คือระบบส่งกำลังที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ที่สามารถติดตั้งได้ทุกรุ่น เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีการสร้างสมดุลเพื่อให้การออกแบบตัวรถสวยงาม และการขับขี่ดีขึ้น โดยเน้นจุดเด่นสำคัญ คือ จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ภายใต้ชิ้นส่วนน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด สามารถพลิกแพลงได้ เครื่องยนต์ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพดี และประหยัดน้ำมันขึ้น 25% และมีพละกำลังดีขึ้น 15%

และด้วยวิธีการคิดใหม่ทำใหม่ ก็ทำให้มีการพัฒนาต่อยอดไปสู่รถยนต์ Hybrid ที่ช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าและอินเวอร์เตอร์มีขนาดเล็กลง ทำให้ Toyota ยังคาดหวังว่ารถ Hybrid จะต้องประหยัดขึ้นกว่าเดิมถึง 15% โดยพื้นตัวถังจะเน้นการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ดังนั้นรถรุ่นใหม่ที่สร้างจาก TNGA จะมีสัดส่วนที่ดูเตี้ยลง มีการบังคับควบคุมที่ตอบสนองดีมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่ที่สูง พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด และประโยชน์ที่สำคัญมากอีกอย่างก็คือ ความปลอดภัย ที่มีการออกแบบตัวถังรถให้มีความทนทานต่อการบิดตัวสูงกว่าเดิมถึง 30-65% ด้วยเทคโนโลยี “การเชื่อมจุดต่อตัวถังด้วยเลเซอร์”



โดยในปีนี้ Toyota จะนำ TNGA มาใช้เป็นพื้นฐานตัวถังของรถระดับกลาง ที่ขับเคลื่อนล้อหน้าในปีนี้ก่อน และหลังจากนั้นก็จะนำมาใช้กับพื้นฐานตัวถังสำหรับรถขนาดเล็ก แบบขับเคลื่อนล้อหน้า และพื้นฐานตัวถังขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง  ต่อไป โดย Toyota วางแผนจะให้รถยนต์ครึ่งหนึ่งที่ผลิตได้ใช้พื้นฐานเดียวกันภายในปี 2020

นอกจากนั้น TNGA มีประโยชน์ในการวางแผนการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะ Toyota ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินมหาศาลในการสร้างโรงงานใหม่โดยไม่จำเป็น แต่ทำได้แค่เพียงลงทุนปรับสายการผลิตที่มีอยู่เดิม ซึ่งแนวทางนี้ทำให้ Toyota สามารถลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน และปรับปรุงเครื่องจักรใหม่ เมื่อต้องทำการผลิตรถรุ่นใหม่ได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับปี 2008 อันเนื่องมาจากมีการแชร์ชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ข้ามสายพื้นตัวถังได้ รถยนต์รุ่นใหม่ที่สร้างขึ้นบน TNGA จะมีการออกแบบที่ง่ายขึ้นและมีฟีเจอร์ที่สามารถใช้ได้ในโลกความเป็นจริง นับต่อจากนี้ไป Modular Platform จะเป็นมิติใหม่แก่โลกยานยนต์ สำหรับค่ายรถขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น